วันพุธที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ข้อดีและข้อเสียของการเล่นเทนนิส

   ข้อดี และ ขอเสียของการเล่น เทนนิส
การเล่น Tennis
               สนาม tennis มีความกว้าง 36 ฟุต ยาว 78 ฟุต เนตสูง 3 ฟุต พื้นสนามอาจจะทำจากคอนกรีต ยางมะตอย พื้นดินหรือหญ้า การเล่นอาจจะเล่นแบบแข่งขันทั้งชนิดเดี่ยวและคู่ หรืออาจจะเล่นเพื่ออกกำลังกายในครอบครัว สามารถเล่นได้ตั้งแต่เด็กจนสูงอายุ เล่นทั้งกลางแจ้งและในร่ม
ใช้พลังงานมากแค่ไหน
หากเป็นนักกีฬาจะใช้พลังงาน 500-700 กิโลแคลอรีต่อชั่วโมง แต่หากไม่ใช่นักกีฬาจะใช้พลังงาน 350-500 กิโลแคลอรีต่อชั่วโมง
ข้อดีของการเล่น tennis
  • ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงโดยเฉพาะกล้ามเนื้อแขนและขา
  • การเคลื่อนไหวของข้อดีขึ้น
  • สามารถเล่นได้ตลอดปีหากมีสนามก๊ฬาในร่ม
  • สามารถเล่นในครอบครัว
ข้อเสียของการเล่น
  1. เป็นการออกกำลังแบบ aerobic ที่ไม่ดีนัก
  2. ใช้เวลาฝึกนาน
  3. ได้รับบาดเจ็บจากการเล่น tennis เช่น ตา คอ หลัง ข้อเท้า ข้อเข่า ข้อมือ นิ้ว หากขณะเล่นรู้สึกปวดนั้นแสดงว่าข้อนั้นได้รับบาดเจ็บท่านต้องหยุดเล่นและประคบเย็น
  4. tennis elbow เป็นการได้รับบาดเจ็บที่ข้อศอกจารเล่นtennis วิธีป้องกัน
  • ฝึกกล้ามเนื้อบริเวณข้อมือให้แข็งแรง
  • เมื่อเวลาแบคแฮนด์อย่าใช้นิ้วหัวแม่มือดันด้าม ให้เหวี่ยงแบคแฮนด์จากไหล่
  • ระหว่างตีโฟแฮนด์ให้งอข้อศอกเล็กน้อยเพื่อให้ไหล่และกล้ามเนื้อไบเซ็บเป็นตัวเหวี่ยง
  • เวลาเสริฟ์ให้งอข้อศอกเล็กน้อย
  • อย่า topspin แรงเกินไป
  1. การป้องกันการได้รับบาดเจ็บจากเล่น tennis
  • ให้ฝึกกับผู้สอนมืออาชีพ
  • ก่อนการเล่นให้อุ่นร่างกายโดยการวิ่งหรือตีบอล
  • ยืดกล้ามเนื้อก่อนเล่น 5-10 นาที
  • ให้วิ่ง หรือว่าน้ำหรือขี่จักรยานสัปดาห์ละ 4 วัน
  • ทำความสะอาดสนามอย่าให้มีตะไคร่ ใบไม้<
  • เลือกไม้ที่มีขนาดเหมาะกับมือ
  • เลือกรองเท้าสำหรับการเล่น tennis
คำแนะนำสำหรับการเล่น tennis
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอทั้งก่อนการเล่น หรือขณะเล่นและหลังการเล่น tennis<
  • ไม่ควรเล่นบนพื้นที่แข็งเช่น พื้น cement หรือ asphalt ควรเล่นบนพื้นที่นุ่มเช่นพื้นดินจะทำให้ปวดเข่าน้อยกว่า หากต้องเล่นบนพื้นแข็งต้องใส่ถุงเท้าที่หนาหรือมีแผ่นรองส้นเท้า
  • ป้องกันมือพองโดยการใช้แป้งโรยด้ามจับ
  • อย่าเดินข้ามสนามแข่งขันเพราะท่านอาจจะถูกลูกบอลโดยไม่รู้ตัว
  • หากขณะเล่นมีอาการปวดข้อเท้า ท่านต้องหยุดเล่นและประคบเย็นทันที ถ้าบวมก็ให้พันผ้าไว้ 48 ชั่วโมงจนยุบบวม
1. ประโยชน์ของการเล่นเทนนิส
              ในตำราชื่อ"เทนนิสเอื้อชีวิต" (Tennis for Life) ปีเตอร์  เบอร์วอช ได้กล่าวถึงประโยชน์ของกีฬาเทนนิสไว้ว่าเทนนิสเป็นกีฬา ที่สามารถ เล่นได้ในทุกเพศ ทุกวัย เพื่อรักษาสุขภาพของมนุษย์เราให้สมบูรณ์แข็งแรง อีกทั้งยังเป็นกีฬาที่ให้ความสนุกสนานเพลิดเพลิน ซึ่งเราอาจจะสรุป ประโยชน์ของการเล่นเทนนิสได้ดังต่อไปนี้
  1. ทำให้มีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์และแข็งแรง
  2. ทำให้ความรู้ความเข้าใจที่ดีในทักษะการเล่นกีฬา
  3. ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี มีการตัดสินใจที่ดีและรวดเร็วอย่างมีเหตุผล สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้
  4. ทำให้มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีความฉลาดและปฏิภาณไหวพริบที่ดี
  5. ทำให้มีความกล้า เชื่อมั่นในตัวเองและกล้าแสดงออกในทางที่ถูกต้อง
  6. ทำให้รู้จักระงับอารมณ์หรืออดกลั้น เป็นคนสุขุมเยือกเย็นขึ้น เมื่อต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่จะก่อให้เกิดอารมณ์เสีย
  7. ทำให้มีความซื่อสัตย์ สุจริต และความยุติธรรม
  8. ทำให้รู้จักการทำงานเป็นหมู่คณะ และปรับตัวเข้ากับสังคมได้ดี
  9. ทำให้มีความรักและความสามัคคีในหมู่เพื่อนฝูงและเพื่อนบ้าน
  10. ทำให้มีน้ำใจเป็นนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ และรู้จักการให้อภัย
2.   มารยาทในการเล่นเทนนิส
             กีฬาเทนนิสนั้นเป็นกีฬาที่เริ่มเล่นกันมากในหมู่คนชั้นสูง และแพร่หลายไปสู่ทุกชนชั้นในปัจจุบัน ซึ่งถือกันว่าเป็นกีฬาระดับสูง ฉะนั้น คุณควรที่จะศึกษา มารยาทในการเล่นเทนนิสไว้บ้าง เพื่อจะได้ปฏิบัติตัวให้เหมาะสมกับกาลเทศะในสังคม มารยาทในการเล่นเทนนิสทั่วๆไป สามารถแบ่งเป็นข้อๆ ได้ดังนี้
  1. ต้องมีทัศนคติที่ดีต่อเทนนิส
  2. เรียนรู้กติกาการเล่น
  3. ต้องแต่งกายสุภาพและถูกต้องกับกฎกติกาของสนาม ปัจจุบันสโมสรส่วนใหญ่จะเน้นเฉพาะให้สวมรองเท้าเทนนิส(พื้นยาง)
  4. เตรียมอุปกรณ์การเล่นของตัวเองให้พร้อม
  5. แสดงกริยา วาจาสุภาพเรียบร้อย รู้จักกล่าวคำขอโทษ ขอบคุณ และชมเชย ผู้ร่วมเล่นเสมอ
  6. ควรลงสนามตามลำดับ มาก่อน-หลัง (ตามคิว) และควรเปิดโอกาสให้เด็ก สตรีและผู้สูงอายุ เข้าร่วมเล่นบ้างในบางโอกาส เพื่อสังคมและส่งเสริมเยาวชน
  7. ไม่ควรหน่วงเหนี่ยวการกระทำ เพื่อให้เกิดความล่าช้าในการเล่นต่อคู่แข่งขัน หรือเมื่อมีสมาชิกหลายคนกำลังรอลงเล่น
  8. ไม่ควรนำเครื่องดื่มของมึนเมาเข้าไปดื่มในสนามเทนนิส
  9. ไม่ควรก้าวหรือกระโดข้ามตาข่าย ในขณะเปลี่ยนแดนหรือเก็บลูกบอล
  10. เล่นด้วยความเต็มใจ และเต็มความสามารถ โดยให้ความสนใจกับเกมการเล่น
  11. ไม่ส่งเสียงเอ็ดตะโร หรือเสียงที่ก่อให้เกิดความรำคาญต่อเพื่อนร่วมเล่น
  12. ซื่อสัตย์ต่อการขาน ลูกออก ลูกดี ถ้าหากไม่แน่ใจให้ขาน"เล็ต"(Let)เพื่อเล่นใหม่ได้
  13. รับฟังคำตัดสินของผู้เล่นฝ่ายตรงกันข้าม หากจะโต้แย้งต้องมีเหตุผลอย่างเพียงพอ
  14. ไม่ควรเดินหรือวิ่งผ่านสนาม ในขณะที่มีการเล่นแต้มกันอยู่
  15. เมื่อเลิกเล่นแล้วทุกครั้ง ควรยกมือไหว้ขอบคุณคู่เล่นทุกครั้งไป
  16. ควรหย่อยตาข่ายทุกครั้งเมื่อเล่นเสร็จเป็นคู่สุดท้าย
3.    มารยาทในการแข่งขันเทนนิส
  1. แสดงออกด้วยกริยาท่าทางที่สุภาพต่อผู้ร่วมแข่งขันรวมถึงกรรมการและผู้ชมอีกด้วย
  2. แต่งกายให้ถูกต้องตามกติกา เช่นที่วิมเบิลดันจะกำหนดให้ใส่ชุดที่มีพื้นสีขาว 80 เปอร์เซ็นต์
  3. รับฟังการตัดสินของกรรมการ หากจะโต้แย้งต้องมีเหตุผลที่เด่นชัด เช่นกรรมการขานว่าดีในขณะที่มีอรยลูกบอลตกพื้นออกนอกสนามมากอย่างชัดเจนคุณสามารถที่จะชี้จุดให้กรรมการดูได้
  4. เมื่อคู่ต่อสู้เสิร์ฟเสีย ไม่ควรโต้กลับไปตรงตัวคู่ต่อสู้
  5. รักษากฎและกติกาเสมอในทุกๆเรื่องอย่างเคร่งครัด
  6. ไม่คว้าง ปา แร็กเก็ต ในสนามแข่งขัน ในการแข่งขันระดับโลกจะมีการปรับเงินนักเทนนิสแสดงกริยา วาจาไม่สุภาพ กรรมการยังสามารถตัดแต้มและให้แพ้การแข่งขันได้อีกด้วย
  7. ถ้าเป็นการแข่งขันประเภทคู่ควรชมเชยเพื่อนเมื่อทำได้ดีและให้กำลังใจเมื่อเพื่อนทำเสียโดยไม่ตัดพ้อต่อว่าเพื่อน
  8. ปรึกษาเพื่อนได้เมื่อจบแต่ละแต้ม
  9. ซื่อสัตย์ในการขานแต้ม ลูกออก ลูกดี การขาน"เล็ต" ควรกระทำเป็นครั้งคราวเท่านั้นเมื่อลูกบอลนั้นตกเฉียดเส้นจริงๆ
  10. ในกรณีไม่มีเด็กเก็บบอล ควรจะรับผิดชอบการเก็บบอลในฝั่งของตัวเอง
  11. การเสิร์ฟควรกระทำภายใน 20 วินาที และเมื่อคู่ต่อสู้พร้อมจะรับลูก
  12. ต้องแข่งขันอย่างเต็มความสามารถ มีน้ำใจเป็นนักกีฬา
  13. เมื่อการแข่งขันเสร็จสิ้นลงควรยกมือไหว้คู่ต่อสู้และจับมือกัน รวมถึงการขอบคุณกรรมการผู้ตัดสิน
4.   มารยาทในการชมเทนนิส
  1. ไม่ควรเดินหรือวิ่งเปลี่ยนที่นั่งในขณะที่นักเทนนิสกำลังเล่นแต้มอยู่ เพราะนักเทนนิสต้องการสมาธิมากในการแข่ง
  2. ปรบมือเมื่อแต้มจบสิ้นเท่านั้น และควรเป็นลูกที่ทำแต้มได้ ไม่ใช่เมื่อนักเทนนิสตีเสียเอง
  3. ไม่ควรพูดคุย หรือส่งเสียงดัง
  4. ไม่แสดงกริยา วาจาโต้แย้งการตัดสินของกรรมการผู้ตัดสิน
  5. ปรบมือให้เกียรตินักเทนนิสทั้งคู่ เมื่อเดินลงสนามก่อนแข่งขัน และเดินออกจากสนามเมื่อสิ้นสุดการแข่งขัน
  6. ปรบมือให้เกียรตินักเทนนิสทั้งคู่ เมื่อทำแต้มที่สวยงามหรือที่ประทับใจ
  7. ไม่ตะโกนหรือใช้สัญญาณโค้ชนักเทนนิสขณะอยู่ในสนามแข่งขัน
  8. ไม่ดุหรือว่ากล่าวนักเทนนิสในขณะแข่งขัน (ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ปกครอง โค้ช หรือผู้สนับสนุนของนักเทนนิส)

การนับแต้วของเทนนิส

รูปภาพ 

การนับแต้มกีฬาเทนนิส ทำไมต้อง 15 30 40 ด้วย !!! 

การนับเทนนิสเชื่อว่ามีที่มาจาก การใช้หน้าปัดนาฬิกามานับคะแนนในช่วงยุคกลางของฝรั่งเศส 

คะแนนของเทนนิสมีที่มาจาก เวลาบนหน้าปัดนาฬิกาเข็ม (Analog) ได้แก่ 0 – 15 – 30 – 45 แต่เทนนิสจะใช้ 40 แทน 45 เหตุผลก็คือ เวลาพูด 45 ต้องพูด 3 พยางค์ (for-ty-five) แต่ 15 กับ 30 พูดแค่ 2 พยางค์ (fif-teen/ thir-ty) เลยใช้ 40 (for-ty) แทน 


แล้ว 0 ทำไมเรียก Love ? “15-0″ อ่านว่า ” fifteen – love “ คำว่า Love จริงๆ มาจาก l’oef ที่เป็นภาษาฝรั่งเศสแปลว่าไข่ หมายถึงศูนย์ พูดไปพูดมาก็เพี้ยนเป็นคำว่า love ในปัจจุบัน  นอกจากนี้ถ้าหากทั้งสองฝ่ายต่างทำแต้มได้สามแต้มเท่ากัน ต้อง deuce กันต่อ คำว่า deuce มาจาก deux ที่เป็นภาษาฝรั่งเศส แปลว่า สอง(เล่นจนห่างกันสองแต้ม) 

การนับแต้ม การนับแต้มเทนนิสจะนับแบบตัวเลขและแบบภาษา 

ยังไม่มีแต้ม นับ Love 

ได้แต้มที่หนึ่ง นับ 15 

ได้แต้มที่สอง นับ 30 

ได้แต้มที่สาม นับ 40 

ได้แต้มที่สี่นับ Game

วันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2557

สวัสดีครับ วันนี้ขออนุญาตแชร์ เรื่อง มารยาทและความเข้าใจในการเล่นเทนนิสประเภทคู่ครับ-
เรื่องมันก็มีอยู่ว่า การเล่นคู่เนี่ย หลายๆครั้งเรามักจะเอา คนอ่อนมาคู่กับคนเก่งครับ แล้วคนเก่งก็คล้ายๆว่า จะเป็นคนที่อ่านเเกมออก รับรู้เรื่องราวทั้งหมด และก็ต้องแบกรับเรื่องราวทั้งหมดไว้ , ถ้าฝ่ายตรงข้ามก็อ่อนด้วยก็ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวตามเก็บได้หมด , แต่ถ้าฝ่ายตรงข้ามเกิดเก่ง หรือ เหนียวขึ้นมาทั้งสองคน ภาระที่แบกรับไว้มันจะเริ่มเครียดขึ้นเรื่อยๆ , หรือถ้าฝ่ายเดียวกับเรา เกิดตีเสียเองบ่อยมาก แตะเป็นเสียๆๆ , ก็เท่ากับว่า คน 1 คน ต้องสู้กับคน 3 คน เลยทีเดียวครับ ,ไม่ใช่แค่ 1 คนสู้กับ 2 คน เพราะมีตัวทำแต้มเสีย อยู่ที่ฝั่งเราเองอีก 1 คน , ความเครียดที่จะตามมาก็คือ คน 1 คน นั้น จะต้องแย่งตีจากฝั่งตัวเองอีก และ การพลาดก็จะเกิดขึ้นได้ง่ายอีก แล้วคนที่เป็นตัวคนแต้มเสียอาจจะมาโทษคนเก่งที่แบกรับเกมไว้
-
ดังนั้น ระดับความรู้ในการเล่น จะต่างกันเยอะ , ประเด็นก็คือว่า หลายๆครั้งที่คนที่เล่นไม่เก่ง ไม่รู้ตัวว่า ตัวเอง ตีเสีย หรือ ทำให้เสียแต้มน้นๆ , ทำให้เกิดความหงุดหงิดของคนเล่นเป็นที่แบกรับภาระของเกมเอาไว้ครับ แล้วยังต้องแบกรับความผิด
-
ตรงนี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยๆใน คอร์ท หรือ คลับ เทนนิส ในระกับสมัครเล่นครับ
ดังนั้น เป็นเรื่องที่มือใหม่จำเป็นจะต้องเรียนรู้ทำความเข้าใจและมารยาทของการเล่นคู่เอาไว้ครับ

เรื่องที่ 1 : การเสิร์ฟ
สำหรับคนที่ชอบเสิร์ฟแบบหยอดๆ หรือ เสิร์ฟเบาๆ , ในขณะที่ buddy ของคุณขึ้นไปอยู่หน้าเน็ต ถ้าฝั่งตรงข้ามตีอัดใส่คนที่อยู่ข้างหน้าขึ้นมาแล้วเขารับไม่ได้ ความผิดไม่ใช่เป็นของคน volley นะครับ , ความผิดเป็นของคนที่เสิร์ฟเบา นะครับ (ถ้าใครเล่นเดียวมาจะรู้นะครับ เสิร์ฟสอง คือ ต้องตีเต็มๆแล้วสปินให้ลง ถ้าหยอดๆไปโดนอัดหายอย่างเดียว)

เรื่องที่ 2 : การ Volley 
สำหรับคนที่คิดจะไปอยู่หน้าเน็ตนั้น คุณต้องรู้ตัวว่าคุณ volley ได้ดีระดับหนึ่ง , ไม่ใช่ว่าเล่นคู่แล้ว อีกคนจำเป็นจะต้องไปยืนอยู่หน้าเน็ตครับ (ไม่ได้มีอยู่ในกติกา).

ในการ volley นั้น volley แล้ว คุณจะต้องไม่ทำให้เกมเกิดความเสียเปรียบ เช่น คนที่ตีอยู่ท้ายคอร์ทกำลังตีตบ อีกฝ่ายอยู่จนจะปิดแต้มได้อยู่แล้ว , อยู่ๆคุณก็ไปพุ่ง volley แล้วลูกที่ได้ มันก็ตกตั้ง ให้อีกฝ่ายมีเวลากลับมาตั้งตัว หรือ ทำให้เขาซัดกลับมาได้อย่างเน้นๆ , ถ้าคุณจะ volley อย่างนั้น ปล่อยให้คนข้างหลังเขาปิดแต้มเองดีกว่าครับ เขาจะรู้สึกเหนือยน้อยกว่า

เรื่องที่ 3 : การ smash
ถ้าคนที่เป็นคู่ของคุณ ยิง winner หรือ ตีจนกระทั่งอีกฝ่ายต้องงัดลูกโด่งขึ้นมาแล้ว แล้วลูกตกตรงหน้าเน็ตโด่งๆแล้ว คนที่อยู่ตรงหน้าเน็ตต้องปิดแต้มให้ได้นะครับ(คือซัดไปเต็มๆมันลงอยู่แล้ว) ถ้าทำไม่ได้นั่นคือความผิดของคุณ การที่จะต้องกลับมาเริ่มเซ็ทเกมขึ้นไปใหม่ กว่าจะทำอย่างนั้นได้ มันเหนื่อยมากทีเดียว

ในการเล่นเทนนิสประเภทคู่นั้น มือใหม่ มักมีปัญหาดังนี้
1. เมื่อลูกมาถึง มักจะตีลูกแบบ โยน แล้วตกตั้ง
1.1 ลูกตกตั้งเปิดโอกาสให้ฝ่ายตรงข้ามซัดกลับมาเต็มๆในลูกถัดไป หรือ 
1.2 ไปทำลายจังหวะในการบุกที่กำลังได้เปรียบของ buddy 
ตรงนี้ คนที่อ่อนกว่า ต้องดูโอกาสให้ดีครับ ถ้าจังหวะที่ ฺbuddy ของเรากำลังได้เปรียบอยู่ อย่ากระโดดเข้าไปขวาง หรือ ปล่อยให้เขาเล่นแทนไปครับ , ส่วนจังหวะกลางๆที่ไม่ได้เปรียบ-ไม่เสียเปรียบก็ตีให้ลูกตกลึกๆ หรือ slice ลึกๆ คือ เป็นจังหวะที่ save ก็ทำไปครับ

2. เทนนิสไม่ว่าคู่หรือเดี่ยวก็ตาม ลูกที่ตีเสียจริงๆ ไม่ใช่ลูกที่รับไม่ได้ที่เป็น score นะครับ แต่คือลูกที่ตีก่อนหน้านั้น เหมือนตัวอย่างของคนที่เสิร์ฟเบาๆ แล้วฝ่ายตรงข้ามซัดมาอัด buddy ที่อยู่หน้าเน็ตอะครับ , คนที่ทำแต้มเสีย คือ คนที่ตีลูกก่อนหน้านั้น หรือ ลูกเสิร์ฟนะครับ

3. พอคนที่อ่อนกว่า ตีเสีย หรือ ตีตกตั้ง หรือ ทำลายจังหวะการบุก มากขึ้นๆ
(คือตีไปอย่างนั้น เราจะรู้ทันทีว่า ลูกต่อไป มันจะเกิดอะไรขึ้น)
ก็จะกลายเป็นว่า คนที่แบกรับภาระ ต้องพยายามไปแย่งตีเอง และก็จะต้องเล่นลูกยาก แล้วความพลาดจะตามมาอีก แล้วอีกคนที่ไม่รู้เรื่องก็จะไปโทษคนที่แบกรับภาระนั้นไว้

บทความจาก กลุ่มแชร์ประสบการณ์เทนนิส จากคุณพี่ 
Notabi Janawa

วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

จุดอ่อนขั้นพื้นฐาน

จุดอ่อนขั้นพื้นฐาน

จุดอ่อนขั้นพื้นฐาน หรือ Basic Weaknesses เปรียบได้เหมือนกับเชื้อโรคที่เกิดขึ้นได้ในนักเทนนิสทุกระดับชนชั้น ตั้งแต่สมัครเล่นไปจนถึงแชมป์เปี้ยนโลก

1) ความมั่นใจสูงเกินไป หรือไม่ก็ขาดความมั่นใจในตนเอง นักเทนนิสที่มีความมั่นใจสูงเกินไป เมื่อเจอกับนักเทนนิสที่มืออ่อนกว่า มักจะเกิดความประมาทและตีพลาดได้ง่ายๆ หรือมีความตั้งใจในการตีน้อยลง ซึ่งตรงกันข้ามกับนักกีฬาที่ขาดความมั่นใจในตนเอง เมื่อต้องลงแข่งกับแชมป์ในรุ่นเดียวกัน เขามักหัวเราะและตอบโค้ชว่า "แพ้อยู่แล้ว" ในเมื่อนักกีฬายังไม่ทันลงแข่งก็มีความคิดในแง่ลบแล้ว โอกาสที่เขาจะชนะนั้นจึงแทบไม่มีเลย คุณทราบหรือไม่ว่านักเทนนิสที่มีอันดับดีกว่ามักจะมีความกลัวต่อการพ่ายแพ้นักเทนนิสที่เป็นรองแต่ฝีมือดี ดังนั่นคุณควรใช้ความคิดนี้สู้อย่างสุดความสามารถ โอกาสที่คุณจะชนะก็มีมากขึ้น หากคุณเป็นแชมป์อยู่แล้วก็ควรที่จะวอล์มร่างกาย วอล์มโต้ลูกให้พร้อมก่อนการลงแข่งขันและไม่ประมาท

2) การตีสโตรคที่มีความแน่นอนจะมีความสัมพันธ์กับจังหวะในการตี ฉะนั้นหากคุณต้องการทำลายความแน่นอนในการตีสโตรคของคู่ต่อสู้ให้คุณนึกจังหวะบอลที่หลากหลายรวมถึงทิศทางบอลด้วย ให้คุณนึกถึงอะไรที่ตรงกันข้ามเช่น ลูกสูง-ลูกต่ำ ลูกเบา-ลูกแรง ลูกท็อปสปิน-ลูกอันเดอร์สปิน นักเทนนิสที่มีสโตรคการตีแน่นอนมักจะถนัดในการตีเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง

3) นักเทนนิสที่ไม่สามารถระงับความรู้สึกได้ เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่กดดันนักเทนนิสบางคนไม่สามารถระงับความรู้สึกได้ ทำให้จังหวะการตีผิดเพี้ยนไป นักเทนนิสที่ไม่สามารถระงับความรู้สึกได้จะแสดงออกในหลายรูปแบบเช่น เวลาที่เขานั่งพัก มือเขาอาจจะสั่น หรือไม่ก็ทำอะไรงุ่มง่าม สิ่งที่สังเกตได้ง่ายคือลูกเสิร์ฟ เขาอาจเสิร์ฟลูกผิดพลาด เสิร์ฟเสียทั้งสองลูก หรือเสิร์ฟลูกสองเบามาก มือสั่นในขณะที่ยืนเตรียมเสิร์ฟ หรือโยนลูกบอลเบี้ยวไปจากวิถีการโยนบอลปรกติ สิ่งเหล่านี้เป็นสัญญาณให้คุณรู้ว่าถึงเวลาที่จะจู่โจมทำแต้ม

4) ร่างกายที่ไม่แข็งแรง นักเทนนิสที่ร่างกายไม่แข็งแรงอาจชนะคู่ต่อสู้ด้วยคะแนน 6-0 7-5 โดยในเซ็ทแรกเขาจะตีดีมาก และเมื่อเซ็ทสองเขาจะเริ่มอ่อนกำลังลง และตีบอลได้ไม่มีประสิทธิภาพเท่าเดิม และถ้าต้องเล่นในเซ็ทที่สามเขาอาจจะแพ้ได้ ถ้าคุณต้องเจอกับนักเทนนิสที่มีร่างกายไม่แข็งแรงหรือนักเทนนิสต่างชาติที่เพิ่งเดินทางมาจากประเทศที่อากาศหนาว คุณอาจเริ่มต้นสามสี่เกมแรกด้วยการตีโยก แรกๆเขาอาจนำคุณ แต่เมื่อเขาเหนื่อยแล้ว เขาจะไม่สามารถตีบอลได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนเดิม

เพราะอะไรนักเทนนิสจึงกินกล้วยหอมสุขระหว่างพักการแข่งขัน?

เพราะอะไรนักเทนนิสจึงกินกล้วยหอมสุขระหว่างพักการแข่งขัน?


ตอน เพราะอะไรนักเทนนิสจึงกินกล้วยหอมสุก
ระหว่างพักการแข่งขัน???



UploadImage

          วันนี้ได้นำเรื่องเทคนิคของนักกีฬาระหว่างพักการแข่งขันมาฝากกันคับ ^^ (ตามกระแสกันสักนิด)ถ้าอยากรู้แล้วไปติดตามกันเลยคับ

          เพราะอะไรนักเทนนิสจึงกินกล้วยหอมสุกระหว่างพักการแข่งขัน???
ก็เพราะว่ากล้วยหอมให้พลังงานสูงมีสารอาหารที่จำเป็นสำหรับหัวใจและสมอง คือโพแทสเซียม แมกนีเซียม และเส้นใยสูง จึงเพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนเลือด บำรุงประสาท ให้รับส่งสัญญาณประสาทเร็ว ตัดสินใจได้อย่างฉับพลันแม่นยำ และย่อยง่ายลดอาการท้องผูก

          กล้วยหอมสุกใหญ่ 1 ลูก มีน้ำตาล 23 กรัม แป้ง 2กรัม จึงเหมาะสำหรับนักกีฬาที่ต้องใช้กำลังมากๆและแข่งขันนาน

          เทคนิคการกินกล้วยหอมเพื่อเพิ่มพลัง น้องๆนักกีฬาสามารถนำไปใช้ได้นะคะไม่เพียงแต่ได้ประโยชน์ตามที่กล่าวมาแล้ว กล้วยหอมยังมีวิตามินสูงอีกด้วย

ใบบัวปิดไม่มิด
ขอบคุณเรื่องน่ารู้ของ พืช คน สัตว์

วันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สาระน่ารู้ การบาดเจ็บเนื่องจากการเล่นกีฬาเทนนิส Adminเองก็มีอาการบาดเจ็บจากการซ้อมเทนนิสก่อนไปแข่ง
เอ็นกล้ามเนื้ออักเสบ
การอักเสบตรงที่เกาะของเอ็นกล้ามเนื้อเกิดจากการใช้งาน หรือฝึกกีฬาด้วยลักษณะซ้ำๆ ทำให้ปลายเอ็นบาดเจ็บมีการฉีกขาดของเส้นใยทีละเล็กละ น้อย อาทิ ข้อศอกเทนนิส เอ็นร้อยหวายอักเสบ
Common Extensor Tendinitis (tennis elbow, lateral epicondylitis)
ข้อศอกเทนนิส เป็นผลจากการที่กล้ามเนื้อเหยียดข้อมือ และเอ็นกล้ามเนื้อถูกใช้งานมากเกินไป ทั้งในแง่ของพละกำลัง, endurance และ flexibility สาเหตุเป็น multifactorial กิจกรรมที่ต้องยกของ กำ racket กำค้อน ล้วนส่งผลกระทบทำให้เอ็นอักเสบ
การตีลูกเทนนิสท่าหลังมืออย่างแรง หรือใช้ค้อนทุบตะปูรุนแรง โดยรวมแล้วลักษณะมือ-ข้อมือ และแขนจะอยู่ในท่างอมือลง และ deviate ไปทางด้าน ulnar โดยแรงกระทำมาจาก power grip, impact และ eccentric loading
นักกีฬายกน้ำหนัก ที่ทำท่า clean and jerk เพื่อยกน้ำหนักขึ้นก็อาจบาดเจ็บจนเกิดเอ็นอักเสบ แบบเดียวกันกับข้อศอกเทนนิสได้
เอ็นกล้ามเนื้ออักเสบพบในนักเทนนิส
การตรวจร่างกาย
มีจุดกดเจ็บชัดเจนที่ด้านนอกของศอกบริเวณ ปุ่มอีพิคอนดัยล์ด้านข้าง ถ้าอาการเป็นอยู่นาน อาจมีกล้ามเนื้อ extensor ลีบเล็กร่วมด้วย บางครั้งพิสัย การงอข้อมืออาจกำกัด
Cozen’s test ให้ผู้ป่วยพยายามกระดกข้อมือขึ้นและเหยียดนิ้วมือร่วมด้วย และผู้ตรวจพยายามออกแรงต้านไว้ จะมีอาการเจ็บปวดตรงบริเวณศอก จนกระดกข้อมือไม่ขึ้น
การรักษา
ใช้ยาต้านอักเสบ และพักการใช้งานแขนข้างนั้น การฉีดยาสตีรอยด์ ผสมยาชาเฉพาะที่อาจช่วยได้บ้าง การรักษาด้วยวิธีผ่าตัดมีที่ใช้ค่อนข้างจำกัด

วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557


 พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงเล่นเทนนิสกับประธานาธิบดี อู วิน หม่อง แห่งสหภาพพม่า เมื่อปี พ.ศ. 2503 ที่นครย่างกุ้ง  



ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

ขอขอบคุณ DrCosmetics Phrom พี่เจ้าขงภาพด้วยนะครับ

เทคนิคในการเสิฟ ลูกเทนนิส

ฉบับนี้ขอกล่าวถึงเทคนิคที่ Pete Sampras ใช้เสิร์ฟลูกเทนนิสได้ประสิทธิภาพสูงครับ โดยทั่วไปลูกเสิร์ฟของ Pete Sampras มีประสิทธิภาพสูงด้วยปัจจัยคือ ความเร็วลูกเสิร์ฟ และเปอร์เซนต์การส่งของลูกเสิร์ฟที่สูง แม้ว่าจุดเด่นของการเสิร์ฟของ Pete Sampras อีกจุดหนึ่งคือ ความหลากหลายของตำแหน่งที่ทำให้รับลูกเสิร์ฟได้ยาก แต่ในทางวิทยาศาสตร์นั้นไม่สามารถบ่งชี้ปัจจัยนี้ได้ชัด จึงไม่ขอกล่าวถึงในปัจจัยนี้
นอกเหนือจากเทคนิคการเพิ่มระดับความสูงในตำแหน่งที่ไม้กระทบลูกจะสามารถเพิ่มค่า  windows ได้ก็คือ การปรับตำแหน่งที่ไม้กระทบลูกให้ลึกเข้าไปในคอร์ทให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ เทคนิคนี้จะต้องใช้ทักษะการฝึกมากกว่าเทคนิคแรก เพราะการโยนลูกเทนนิสไปด้านหน้า  หากโยนลึกเกินไปอาจทำให้ตี follow-through ขณะเสิร์ฟได้ไม่เต็มที่ รวมถึงเสี่ยงต่อการเกิด fool fault ขณะเสิร์ฟได้ เนื่องจากเทคนิคนี้ช่วยทำให้การเคลื่อนตัวไปด้านหน้าเร็วขึ้น จะเหมาะกับผู้เล่นสไตล์ serve and volley เพราะสามารถขึ้นหน้าเน็ตได้เร็วขึ้น แต่ในปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีของไม้เทนนิส ทำให้การรับลูกเสิร์ฟของผู้เล่นทุกระดับมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ส่งผลให้มีนักเทนนิสที่เล่นสไตล์ serve and volley มีจำนวนที่ลดลง ดังนั้นจะไม่เห็นนักเทนนิสในยุคปัจจุบันที่โดดเด่นในการใช้เทคนิคการเสิร์ฟในลักษณะนี้

ประวัติความเป็นมาของ อังเดร อากัสซี่ อดีตนักหวดลูกสักหลาด



ประวัติความเป็นมา
        อังเดร อากัสซี่ อดีตนักหวดลูกสักหลาดมือหนึ่งของโลก จากสหรัฐอเมริกา ถือเป็นยอดตำนานนักเทนนิสที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยเป็นเจ้าของสถิติแชมป์ 8 แกรนสแลมด์ แชมป์เอทีพีมาสเตอร์ซี่รีย์ได้ถึง 17 รายการ แชมป์เอทีพีทัวร์ 33 รายการ มาสเตอร์ซี่รีย์คัพ 1 รายการ
เหรียญทองโอลิมปิค ประเภทชายเดี่ยว ร่วมไปถึงการเป็นส่วนหนึ่งทีมเทนนิสเดวิสคัพของทีมชาติสหรัฐอีกด้วย นอกจากนี้ เขาเป็นหนึ่งในห้านักเทนนิสชายที่สามารถครองแชมป์แกรนสแลมด์ได้ครบทั้ง 4 แกรนสแลมด์ในการเล่นเทนนิสอาชีพออีกด้วย

            นักเทนนิสชาวสหรัฐผู้นี้ เกิดในเมืองแสงสีอย่างลาส เวกัส มลรัฐเนวาดา เมื่อวันที่ 29 เมษายน 1970 มีชื่อเต็มว่า "อังเดร เคิร์ค อากัสซี่" (Andre Kirk Agassi) เกิดเมื่อวันที่ 9 เมษายน 1970 ที่ลาสเวกัส, เนียวานา สหรัฐอเมริกา อากัสซี่ถือได้ว่ามีสายเลือดนักกีฬาอย่างเต็มเปี่ยมมาจากคุณพ่อ เอ็มมานูแอล ไมค์ อากัสซี่
ซึ่งเคยเป็นนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขันกีฬามวยในโอลิมปิคปี 1948-1952 ก่อนอพยพถิ่นฐานมายังสหรัฐ อาจจกล่าวได้ว่า พ่อของอากัสซีมีส่วนในความสำเร็จของยอดนักเทนนิสผู้นี้อย่างมาก จนเมื่ออายุ 13 ปี อากัสซี ก็ถูกส่งไปเรียนเทนนิสที่สถาบันสอนเทนนิสชื่อดังในฟลอริดา

            
         ด้วยวัยเพียง 10 ปี อากัสซี่ก็เริ่มหวดแข่งกับคู่แข่งในอนาคตของเขาอย่างพีทท์ แซมปรัส จิม เคอริเออร์ และไมเคิล ชาง ความสามารถของเขาเริ่มทวีขึ้น จนพ่อของเขาจ้างนิกค์ โบลเลเทียรี่ มาเป็นโค้ชมืออาชีพให้อากัสซี่ และอากัสซี ในวัยเพียง 16 ปี ก็ออกมาเผชิญความท้าทายในชีวิตโดยการลงแข่งขันเทนนิสอาชีพครั้งแรกเมื่อปี 1986 ในรายการ ลาควินต้า ที่แคลิฟอร์เนีย โดนในแมตซ์นั้น เขาสามารถคว่ำจอห์น ออสติน แต่ก็ต้องไปพ่ายให้กับแมตซ์ วิลลันเดอร์ ในรอบถัดมา
และเมื่อจบฤดูกาลแข่งขันในปีนั้น เจ้าหนูวัย 16 ปี ก็รั้งมือวางอันดับ 91 ของโลก ต่อจากนั้นไม่นาน เจ้าหนุ่มผมยาวจากลาสเวกัส ก็ใช้เวลาเพียงสามปีเท่านั้น ในการแข่งขันเทนนิส ไต่เต้าจากอันดับ 91 ของโลก พุ่งทะยานติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลกได้สำเร็จในปี 1988 ด้วยวัย 18 ปีเท่านั้น
หลังจากเอาชนะโกราน อิเวนิ เซวิช ในรายการวิมเบิลดัน จากนั้นเขาเปลี่ยนตัวโค้ชมาเป็นแบรด กิลเบิร์ท และอนาคตของเขาก็เริ่มพุ่งทะยาน. ชนะรายการ ยูเอสโอเพ่น ในปี 1994 ชนะรายการออสเตรเลียโอเพ่น ในปี 1995 ชนะโอลิมปิก เหรียญทอง ในปี 1996 ในเวลาต่อมา

            การเล่นเทนนิสของอากัสซี ถือว่าสร้างสีสันให้กับวงการเทนนิสได้ไม่น้อย ไม่เพียงแต่ลีลาและฝีมือการเล่นอันโดดเด่นเท่านั้น ภาพลักษณ์ของเด็กหนุ่มไฟแรง ที่มีสไตล์ไม่เหมือนใคร ก็ยิ่งทำให้อากัสซีกลายเป็นที่จดจำของแฟนๆ เทนนิสได้ในเวลาอันรวดเร็ว
และด้วยฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมและสม่ำเสมอนี่เอง ในที่สุดอากัสซีก็ค่อยๆ เก็บสะสมรางวัลและเกียรติประวัติมาเชยชม จนสามารถครองมือ 1 ของโลกได้สำเร็จในวันที่ 10 เมษายน 1995 แม้ว่าอากัสซีจะต้องเจอนักเทนนิสฝีมือดีไม่แพ้กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คู่ปรับคนสำคัญในช่วงนั้น ก็คือ พีท แซมพราส ก็ตาม



            ชีวิตในสนามกำลังรุ่งโรจน์ ชีวิตนอก สนามก็ไม่น้อยหน้า ในปี 1993 เขาเริ่มรู้จักกับบรูค ชิลด์ จากการแนะนำของลินดี้ เบนสัน ภรรยาของเคนนี่ จี นักแซ็กโซโฟนชื่อดัง ซึ่งก่อนหน้านี้เขาก็เคยควงอยู่กับดารา รุ่นใหญ่อย่างบาร์บาร่า สไตแซนด์
ซึ่งตอนหลังก็กลายมาเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่กับบรูค ชิลด์ ถึงขั้นแต่งงานด้วย ทั้งสองจูงมือ เข้าประตูวิวาห์กันในปี 1997 จากนั้นฝีมือการเล่นเทนนิสของเขาเริ่มตกลง ปลายปีของการแต่งงาน อังเดรตกมาอยู่อันดับที่ 141 ของโลก
และก่อนฉลองครบรอบการแต่งงาน ปีที่ 2 เขาประกาศหย่าจากบรูค ชิลด์ ขณะนั้นเขาอายุได้ 27 ปี ซึ่งนักเทนนิสส่วนใหญ่ เริ่มคิดวางมือเมื่ออายุย่างขึ้นเลข 3 แต่อังเดรกับทำตรงกันข้าม เขาเริ่มกลับคืนเข้าสู่วงการเทนนิสอีกครั้ง

            จากนั้นไม่นาน ในปี 1998 อังเดรฟื้นคืนสู่สนามหวดลูกสักหลาดอีกครั้ง อังเดรฝึกหนักมาก แต่เขาก็ได้รางวัลจากการฝึกหนัก ในปี 1999 เขาชนะรายการเฟรนช์โอเพ่น และหลังจากนั้นเป็นคนที่ 2 ที่ชนะแกรนด์ สแลมติดต่อกันถึง 4 ปีซ้อน ซึ่งคนที่ทำไว้คนแรกคือ ร็อด เลเวอร์ ที่เคยทำสถิติไว้ในช่วง 60's
อังเดรชนะรายการยูเอสโอเพ่นในปี 1999 อีกรายการหนึ่ง และอีก 3 ปีถัดมา เขาชนะรายการออสเตรเลียนโอเพ่นถึง 3 ปีซ้อน และในที่สุด เขาก็กลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง จากการเก็บชัยชนะในปีนั้น คว้าแชมป์มาได้ถึง 5 รายการ และเข้ารอบชิง 10 รายการ ทำให้อากัสซีกลับมาติดอันดับท็อปเท็นได้อีกครั้ง

            หลังจากชีวิตในสนาม เริ่มกลับคืนมา ชีวิตนอกสนามเขาต้องเผชิญ กับข่าวร้ายที่ว่า มารดากับพี่สาวของเขาป่วยเป็นมะเร็งเต้านม เขาต้องแบ่งเวลาให้กับครอบครัวด้วย รวมไปถึงอาการบาดเจ็บเรื้อรังบริเวณข้อเท้าและหลัง จนทำให้เขาต้องพลาดลงแข่งขันหลายรายการและทำให้ผลงานไม่ดีเท่าที่ควร
นับว่าเป็นช่วงเวลาที่ยุ่งทีเดียวของอากัสซี่ อย่างไรก็ตาม ชีวิตของอากัสซี่ ก็ไม่ได้เลวร้ายไปทั้งหมด อากัสซี่ได้เริ่มความสัมพันธ์กับสเตฟฟี่ กราฟ นักเทนนิสหญิงมือหนึ่งของโลกอีกด้วย เขาใช้ชีวิตร่วมกับสเตฟฟี่ กราฟ และมีลูกชายคนแรกคือ เจเดน กิล (Jaden Gil) ในปี 2001 และอีก 2 ปีถัดมา กราฟก็ให้ กำเนิดบุตรคนที่ 2 เป็นหญิงชื่อว่า เจซ เอลล์ (Jaz Elle) และ "ครอบครัว" นี่เองที่ทำให้อังเดร เริ่มหันมาทุ่มเทและใส่ใจมากขึ้น ซึ่งเขาถือว่า ครอบครัวต้องมาเหนือสิ่งอื่นใด และในที่สุด ยอดนักเทนนิสรายนี้ จึงตัดสินใจแขวนเแร็คเก็ตอย่างถาวรไปในเดือนกันยายน ปี 2006 หลังจากเกมที่ตกรอบสาม ในรายการยูเอส โอเพ่น ซึ่งในแมตซ์สุดท้ายของเขา เกิดขึ้นในเกมที่พบกับเบนจามิน เบ็คเกอร์ มือวางอันดับ 112 ชาวเยอรมัน
อากัสซีได้รับเสียงปรบมืออย่างกึกก้องจากแฟนเทนนิสที่เข้ามาชมในเกมนั้น

            ต้องยอมรับเลยว่า อังเดร อากัสซี นับเป็นนักเทนนิสที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงคนหนึ่งในตำนาน โดยตลอดชีวิตการเป็นนักเทนนิสอาชีพ เขาสามารถคว้าแชมป์เทนนิสได้ถึง 61 รายการ และกวาดเงินรางวัลไปมากกว่า 30 ล้านเหรียญสหรัฐ
จนนิตยสารเทนนิส ยกย่องให้เขาเป็นนักกีฬาชายยอดเยี่ยมติด 1 ใน 10 ของตำนานวงการลูกสักหลาด ในช่วงระหว่างปี 1965 ถึง 2005

            หลังจากหันหลังให้วงการเทนนิสอย่างถาวร ปัจจุบัน อากัสซีในวัย 37 ปี ใช้ชีวิตร่วมกับสเตฟี่ กราฟ อดีตยอดนักเทนนิสหญิงมือวางอันดับ 1 ชาวเยอรมัน และมีลูกๆ ทั้งสอง
ทั้งหมดใช้ชีวิตอยู่ในนครลาสเวกัสและบ้านพักตากอากาศต่าง ๆ นอกจากนี้ อากัสซียังได้ก่อตั้งองค์กรการกุศลช่วยเหลือเด็กมากมาย และมักบริจาคเงินให้องค์กรการกุศลต่างๆ อยู่เสมออีกด้วย

เทคนิคเรื่องการตีสไล์แบ็คแฮนด์ครับ

เทคนิคเรื่องการตีสไล์แบ็คแฮนด์ครับ

สาระน่ารู้จากคุณพี่ Natthaphong Wongrukrut ของกลุ่ม แชร์ประสบการณ์ เทนนิสนะคับ            
  
 ขอบรรยายภาพ น่าจะเป็นภาพสไลด์แบคแฮนด์แก้ลูกที่ตีมาสูงครับสังเกตุหัวไม้และฟอลโล่ครับ ภาพกลาง เป็นแบคแฮนด์สไลด์เพื่อทำเกมบุกครับ ภาพสุดท้ายแบคแฮนด์สไลด์ แก้ไขการรุกของคู่ต่อสู้ครับ่ น่าจะเป็นการล๊อบครับ หากผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับ


สาระน่ารู้จากคุณพี่ ในกลุ่ม แชร์ประสบการณ์เทนนิส ทาง facebook ในหัวข้อเรื่องเทคนิคเรื่องการตีสไล์แบ็คแฮนด์ครับ


สาระนารู้จากพี่ Poobate Ratanawimon ตอนเงื้อไม้เพื่อเตรียมตัวตี.. หัวไม้ตั้งตามมุมที่จะตี หรือคิดไว้ จากนั้นก็ฟันสไลซ์ไปข้างหน้าตามทิศทางที่ต้องการ และแขนต้องมาทั้งท่อนนะครับ ส่วนอยากให้ลูกเรียด หรือสูงขึ้นมาหน่อย ก็ปรับตอนหลังจากฟันสไลซ์ลงมาเสร็จแล้ว ว่าจะกดลงมา หรือจะฟันหางขึ้นไป         ถ้าชำนาญขึ้นอีกนิดก็ใช้ ข้อมือช่วยซักหน่อยก็จะดีครับ 5555+ ผมเรียนมาประมาณนี้อ่าครับ เดาๆๆ

สาระน่ารู้จากคุณพี่ Jakkrit Jakklom กริฟที่จับ แนะนำว่าต้องใช้ คอนติเนนตัลกริฟนะครับ ใช้มือซ้ายประคองไม้ไว้ ใช้แขนซ้ายยือออกพร้อมกับตอนทำไสล้คทุกครั้ง สำคัญตอนจังหวะเตรียมตัวและเข้าตี ถ้าเป็นลูกเข้าตีที่มีจังหวะเวลาที่สบายๆไม่เป็นลูกฉุกเฉินมากพยายามฝึกหาความรู้สึกสัมผัสการตัดบอลเพื่อสร้างแบคสปินให้เจอ หลังจากนั้นค่อยปรับมุมกระทบบอลเข้าตี น้ำหนักตัวควรถ่ายไปข้างหน้าทุกครั้ง อันนี้ต้องฝึบ่อยๆครับ ส่วนท่าทางการตีลองถ่ายคลิปมาแปะไว้ก็ดีครับ จะได้เห็นภาพรวมของตัวน้อง ลองดูครับ ด้วยอายุผม การเข้ารีเทอร์นบอลที่ถูกจู่โจมด้วยลูกเสริฟแรกที่มีความเร็วและหนักทางแบค์แฮนด์ผมชอบใช้ลูกสไลค์เข้าช่วย กับการเล่นประเภทคู่และเดี่ยวเมื่อลูกที่บอลตั้งต่ำกว่าเน็ตกลางคอร์ดจากการตีของฝั่งตรงข้ามผมชอบใช้ลูกนี้และใช้การเคลื่อนที่ขาที่ค่อนข้างซับซ้อนนิดหน่อยคือไขว้ขาและทำพร้อมกับการตีและเคลื่อนทีไปหน้าเนต ซึ่งดีที่สุดสำหรับผม และผมเป็นผู้เล่นแบคแฮนด์มือเดียวนะครับ และ การตีลูกที่มาท้ายคอร์ดดีดสูงๆ เวลาเหนื่อยๆไม่พร้อมใช้ฟุตเวริคเคลื่นที่เข้าชาร์จบอล ผมชอบใช้ลูกสไลค์เช่นกันครับ

สาระน่ารู้จากคุณพี่ วิเชียร ชัยจรูญพร เพิ่มเติมนิดนึงจ๊ะ แบ็กแฮนด์สไลน์เวลาเปิดวงหน้าไม้เปิดขึ้นจุดสัมผัสบอลอยู่ประมาณ 10 โมงหรือหน้าตัวจ๊ะ พยายามสัมผัสแล้วดันไปตามวงของเราควบคุมทิศทางได้ตามต้องการจ๊ะ ข้อควรระวังไม่ควรสะบัดข้อมือเพราะจะเกิดการปาดเจ็บได้ง่ายล็อคข้อมือดันดีที่สุดจ๊ะ ซ้อมจากลูกเบาก่อนแล้วเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆจ๊ะ สู้ๆจ๊ะ































สาระน่ารู้ดีๆที่ได้จากพี่ชาย DrCosmetics Phrom  ใน กลุ่ม แชร์ประสบการณ์ เทนนิส ในเฟสบุ๊ค
ช่วงหยุดยาวๆ ได้ซ้อมเกือบทุกวัน เมื่อก่อนเคยคิดเพียงมิติเดียว ตีอย่างไร ? ให้ลงฝ่ายตรงข้าม แต่ตอนนี้ คิดเพิ่มอีกว่า ถ้าหากเค้ารับหรือสวนมาได้ ตีอย่างไร !

เป็นการเตรียม ความพร้อมทาง (((ด้านร่างกาย))) จากด้านล่าง การวางตำแหน่งเท้า/footwork ลำตัว - ส่วนบน มือ/แขน ซ้ายที่จะต้องปรับองศา/หน้าไม้ มือ/แขน ขวาที่จะเตรียมสวิง ลูกที่พู่งเข้ามา หรือไม่พู่งน้องวิ่งเข้าหา เเละเบรคในท่าที่พร้อม ~ ส่วนความพร้อมที่สำคัญไม่แพ้ footwork (((ด้านความคิด))) จะตีให้ลงฝ่ายตรงข้าม ในรูปแบบอย่างไร ? หรือเป็นไปตามเกมที่เราคิดไว้ ... 55 วิชาการสุดๆตามตำรา แต่ยังทำไม่ถึง 50 % เลยครับ



                                         ผมเห็นภาพนี้ทำให้คิดถึงหลักการฟิสิก มุม แรง ทิศทาง...ฯ