วันพุธที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ข้อดีและข้อเสียของการเล่นเทนนิส

   ข้อดี และ ขอเสียของการเล่น เทนนิส
การเล่น Tennis
               สนาม tennis มีความกว้าง 36 ฟุต ยาว 78 ฟุต เนตสูง 3 ฟุต พื้นสนามอาจจะทำจากคอนกรีต ยางมะตอย พื้นดินหรือหญ้า การเล่นอาจจะเล่นแบบแข่งขันทั้งชนิดเดี่ยวและคู่ หรืออาจจะเล่นเพื่ออกกำลังกายในครอบครัว สามารถเล่นได้ตั้งแต่เด็กจนสูงอายุ เล่นทั้งกลางแจ้งและในร่ม
ใช้พลังงานมากแค่ไหน
หากเป็นนักกีฬาจะใช้พลังงาน 500-700 กิโลแคลอรีต่อชั่วโมง แต่หากไม่ใช่นักกีฬาจะใช้พลังงาน 350-500 กิโลแคลอรีต่อชั่วโมง
ข้อดีของการเล่น tennis
  • ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงโดยเฉพาะกล้ามเนื้อแขนและขา
  • การเคลื่อนไหวของข้อดีขึ้น
  • สามารถเล่นได้ตลอดปีหากมีสนามก๊ฬาในร่ม
  • สามารถเล่นในครอบครัว
ข้อเสียของการเล่น
  1. เป็นการออกกำลังแบบ aerobic ที่ไม่ดีนัก
  2. ใช้เวลาฝึกนาน
  3. ได้รับบาดเจ็บจากการเล่น tennis เช่น ตา คอ หลัง ข้อเท้า ข้อเข่า ข้อมือ นิ้ว หากขณะเล่นรู้สึกปวดนั้นแสดงว่าข้อนั้นได้รับบาดเจ็บท่านต้องหยุดเล่นและประคบเย็น
  4. tennis elbow เป็นการได้รับบาดเจ็บที่ข้อศอกจารเล่นtennis วิธีป้องกัน
  • ฝึกกล้ามเนื้อบริเวณข้อมือให้แข็งแรง
  • เมื่อเวลาแบคแฮนด์อย่าใช้นิ้วหัวแม่มือดันด้าม ให้เหวี่ยงแบคแฮนด์จากไหล่
  • ระหว่างตีโฟแฮนด์ให้งอข้อศอกเล็กน้อยเพื่อให้ไหล่และกล้ามเนื้อไบเซ็บเป็นตัวเหวี่ยง
  • เวลาเสริฟ์ให้งอข้อศอกเล็กน้อย
  • อย่า topspin แรงเกินไป
  1. การป้องกันการได้รับบาดเจ็บจากเล่น tennis
  • ให้ฝึกกับผู้สอนมืออาชีพ
  • ก่อนการเล่นให้อุ่นร่างกายโดยการวิ่งหรือตีบอล
  • ยืดกล้ามเนื้อก่อนเล่น 5-10 นาที
  • ให้วิ่ง หรือว่าน้ำหรือขี่จักรยานสัปดาห์ละ 4 วัน
  • ทำความสะอาดสนามอย่าให้มีตะไคร่ ใบไม้<
  • เลือกไม้ที่มีขนาดเหมาะกับมือ
  • เลือกรองเท้าสำหรับการเล่น tennis
คำแนะนำสำหรับการเล่น tennis
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอทั้งก่อนการเล่น หรือขณะเล่นและหลังการเล่น tennis<
  • ไม่ควรเล่นบนพื้นที่แข็งเช่น พื้น cement หรือ asphalt ควรเล่นบนพื้นที่นุ่มเช่นพื้นดินจะทำให้ปวดเข่าน้อยกว่า หากต้องเล่นบนพื้นแข็งต้องใส่ถุงเท้าที่หนาหรือมีแผ่นรองส้นเท้า
  • ป้องกันมือพองโดยการใช้แป้งโรยด้ามจับ
  • อย่าเดินข้ามสนามแข่งขันเพราะท่านอาจจะถูกลูกบอลโดยไม่รู้ตัว
  • หากขณะเล่นมีอาการปวดข้อเท้า ท่านต้องหยุดเล่นและประคบเย็นทันที ถ้าบวมก็ให้พันผ้าไว้ 48 ชั่วโมงจนยุบบวม
1. ประโยชน์ของการเล่นเทนนิส
              ในตำราชื่อ"เทนนิสเอื้อชีวิต" (Tennis for Life) ปีเตอร์  เบอร์วอช ได้กล่าวถึงประโยชน์ของกีฬาเทนนิสไว้ว่าเทนนิสเป็นกีฬา ที่สามารถ เล่นได้ในทุกเพศ ทุกวัย เพื่อรักษาสุขภาพของมนุษย์เราให้สมบูรณ์แข็งแรง อีกทั้งยังเป็นกีฬาที่ให้ความสนุกสนานเพลิดเพลิน ซึ่งเราอาจจะสรุป ประโยชน์ของการเล่นเทนนิสได้ดังต่อไปนี้
  1. ทำให้มีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์และแข็งแรง
  2. ทำให้ความรู้ความเข้าใจที่ดีในทักษะการเล่นกีฬา
  3. ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี มีการตัดสินใจที่ดีและรวดเร็วอย่างมีเหตุผล สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้
  4. ทำให้มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีความฉลาดและปฏิภาณไหวพริบที่ดี
  5. ทำให้มีความกล้า เชื่อมั่นในตัวเองและกล้าแสดงออกในทางที่ถูกต้อง
  6. ทำให้รู้จักระงับอารมณ์หรืออดกลั้น เป็นคนสุขุมเยือกเย็นขึ้น เมื่อต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่จะก่อให้เกิดอารมณ์เสีย
  7. ทำให้มีความซื่อสัตย์ สุจริต และความยุติธรรม
  8. ทำให้รู้จักการทำงานเป็นหมู่คณะ และปรับตัวเข้ากับสังคมได้ดี
  9. ทำให้มีความรักและความสามัคคีในหมู่เพื่อนฝูงและเพื่อนบ้าน
  10. ทำให้มีน้ำใจเป็นนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ และรู้จักการให้อภัย
2.   มารยาทในการเล่นเทนนิส
             กีฬาเทนนิสนั้นเป็นกีฬาที่เริ่มเล่นกันมากในหมู่คนชั้นสูง และแพร่หลายไปสู่ทุกชนชั้นในปัจจุบัน ซึ่งถือกันว่าเป็นกีฬาระดับสูง ฉะนั้น คุณควรที่จะศึกษา มารยาทในการเล่นเทนนิสไว้บ้าง เพื่อจะได้ปฏิบัติตัวให้เหมาะสมกับกาลเทศะในสังคม มารยาทในการเล่นเทนนิสทั่วๆไป สามารถแบ่งเป็นข้อๆ ได้ดังนี้
  1. ต้องมีทัศนคติที่ดีต่อเทนนิส
  2. เรียนรู้กติกาการเล่น
  3. ต้องแต่งกายสุภาพและถูกต้องกับกฎกติกาของสนาม ปัจจุบันสโมสรส่วนใหญ่จะเน้นเฉพาะให้สวมรองเท้าเทนนิส(พื้นยาง)
  4. เตรียมอุปกรณ์การเล่นของตัวเองให้พร้อม
  5. แสดงกริยา วาจาสุภาพเรียบร้อย รู้จักกล่าวคำขอโทษ ขอบคุณ และชมเชย ผู้ร่วมเล่นเสมอ
  6. ควรลงสนามตามลำดับ มาก่อน-หลัง (ตามคิว) และควรเปิดโอกาสให้เด็ก สตรีและผู้สูงอายุ เข้าร่วมเล่นบ้างในบางโอกาส เพื่อสังคมและส่งเสริมเยาวชน
  7. ไม่ควรหน่วงเหนี่ยวการกระทำ เพื่อให้เกิดความล่าช้าในการเล่นต่อคู่แข่งขัน หรือเมื่อมีสมาชิกหลายคนกำลังรอลงเล่น
  8. ไม่ควรนำเครื่องดื่มของมึนเมาเข้าไปดื่มในสนามเทนนิส
  9. ไม่ควรก้าวหรือกระโดข้ามตาข่าย ในขณะเปลี่ยนแดนหรือเก็บลูกบอล
  10. เล่นด้วยความเต็มใจ และเต็มความสามารถ โดยให้ความสนใจกับเกมการเล่น
  11. ไม่ส่งเสียงเอ็ดตะโร หรือเสียงที่ก่อให้เกิดความรำคาญต่อเพื่อนร่วมเล่น
  12. ซื่อสัตย์ต่อการขาน ลูกออก ลูกดี ถ้าหากไม่แน่ใจให้ขาน"เล็ต"(Let)เพื่อเล่นใหม่ได้
  13. รับฟังคำตัดสินของผู้เล่นฝ่ายตรงกันข้าม หากจะโต้แย้งต้องมีเหตุผลอย่างเพียงพอ
  14. ไม่ควรเดินหรือวิ่งผ่านสนาม ในขณะที่มีการเล่นแต้มกันอยู่
  15. เมื่อเลิกเล่นแล้วทุกครั้ง ควรยกมือไหว้ขอบคุณคู่เล่นทุกครั้งไป
  16. ควรหย่อยตาข่ายทุกครั้งเมื่อเล่นเสร็จเป็นคู่สุดท้าย
3.    มารยาทในการแข่งขันเทนนิส
  1. แสดงออกด้วยกริยาท่าทางที่สุภาพต่อผู้ร่วมแข่งขันรวมถึงกรรมการและผู้ชมอีกด้วย
  2. แต่งกายให้ถูกต้องตามกติกา เช่นที่วิมเบิลดันจะกำหนดให้ใส่ชุดที่มีพื้นสีขาว 80 เปอร์เซ็นต์
  3. รับฟังการตัดสินของกรรมการ หากจะโต้แย้งต้องมีเหตุผลที่เด่นชัด เช่นกรรมการขานว่าดีในขณะที่มีอรยลูกบอลตกพื้นออกนอกสนามมากอย่างชัดเจนคุณสามารถที่จะชี้จุดให้กรรมการดูได้
  4. เมื่อคู่ต่อสู้เสิร์ฟเสีย ไม่ควรโต้กลับไปตรงตัวคู่ต่อสู้
  5. รักษากฎและกติกาเสมอในทุกๆเรื่องอย่างเคร่งครัด
  6. ไม่คว้าง ปา แร็กเก็ต ในสนามแข่งขัน ในการแข่งขันระดับโลกจะมีการปรับเงินนักเทนนิสแสดงกริยา วาจาไม่สุภาพ กรรมการยังสามารถตัดแต้มและให้แพ้การแข่งขันได้อีกด้วย
  7. ถ้าเป็นการแข่งขันประเภทคู่ควรชมเชยเพื่อนเมื่อทำได้ดีและให้กำลังใจเมื่อเพื่อนทำเสียโดยไม่ตัดพ้อต่อว่าเพื่อน
  8. ปรึกษาเพื่อนได้เมื่อจบแต่ละแต้ม
  9. ซื่อสัตย์ในการขานแต้ม ลูกออก ลูกดี การขาน"เล็ต" ควรกระทำเป็นครั้งคราวเท่านั้นเมื่อลูกบอลนั้นตกเฉียดเส้นจริงๆ
  10. ในกรณีไม่มีเด็กเก็บบอล ควรจะรับผิดชอบการเก็บบอลในฝั่งของตัวเอง
  11. การเสิร์ฟควรกระทำภายใน 20 วินาที และเมื่อคู่ต่อสู้พร้อมจะรับลูก
  12. ต้องแข่งขันอย่างเต็มความสามารถ มีน้ำใจเป็นนักกีฬา
  13. เมื่อการแข่งขันเสร็จสิ้นลงควรยกมือไหว้คู่ต่อสู้และจับมือกัน รวมถึงการขอบคุณกรรมการผู้ตัดสิน
4.   มารยาทในการชมเทนนิส
  1. ไม่ควรเดินหรือวิ่งเปลี่ยนที่นั่งในขณะที่นักเทนนิสกำลังเล่นแต้มอยู่ เพราะนักเทนนิสต้องการสมาธิมากในการแข่ง
  2. ปรบมือเมื่อแต้มจบสิ้นเท่านั้น และควรเป็นลูกที่ทำแต้มได้ ไม่ใช่เมื่อนักเทนนิสตีเสียเอง
  3. ไม่ควรพูดคุย หรือส่งเสียงดัง
  4. ไม่แสดงกริยา วาจาโต้แย้งการตัดสินของกรรมการผู้ตัดสิน
  5. ปรบมือให้เกียรตินักเทนนิสทั้งคู่ เมื่อเดินลงสนามก่อนแข่งขัน และเดินออกจากสนามเมื่อสิ้นสุดการแข่งขัน
  6. ปรบมือให้เกียรตินักเทนนิสทั้งคู่ เมื่อทำแต้มที่สวยงามหรือที่ประทับใจ
  7. ไม่ตะโกนหรือใช้สัญญาณโค้ชนักเทนนิสขณะอยู่ในสนามแข่งขัน
  8. ไม่ดุหรือว่ากล่าวนักเทนนิสในขณะแข่งขัน (ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ปกครอง โค้ช หรือผู้สนับสนุนของนักเทนนิส)

การนับแต้วของเทนนิส

รูปภาพ 

การนับแต้มกีฬาเทนนิส ทำไมต้อง 15 30 40 ด้วย !!! 

การนับเทนนิสเชื่อว่ามีที่มาจาก การใช้หน้าปัดนาฬิกามานับคะแนนในช่วงยุคกลางของฝรั่งเศส 

คะแนนของเทนนิสมีที่มาจาก เวลาบนหน้าปัดนาฬิกาเข็ม (Analog) ได้แก่ 0 – 15 – 30 – 45 แต่เทนนิสจะใช้ 40 แทน 45 เหตุผลก็คือ เวลาพูด 45 ต้องพูด 3 พยางค์ (for-ty-five) แต่ 15 กับ 30 พูดแค่ 2 พยางค์ (fif-teen/ thir-ty) เลยใช้ 40 (for-ty) แทน 


แล้ว 0 ทำไมเรียก Love ? “15-0″ อ่านว่า ” fifteen – love “ คำว่า Love จริงๆ มาจาก l’oef ที่เป็นภาษาฝรั่งเศสแปลว่าไข่ หมายถึงศูนย์ พูดไปพูดมาก็เพี้ยนเป็นคำว่า love ในปัจจุบัน  นอกจากนี้ถ้าหากทั้งสองฝ่ายต่างทำแต้มได้สามแต้มเท่ากัน ต้อง deuce กันต่อ คำว่า deuce มาจาก deux ที่เป็นภาษาฝรั่งเศส แปลว่า สอง(เล่นจนห่างกันสองแต้ม) 

การนับแต้ม การนับแต้มเทนนิสจะนับแบบตัวเลขและแบบภาษา 

ยังไม่มีแต้ม นับ Love 

ได้แต้มที่หนึ่ง นับ 15 

ได้แต้มที่สอง นับ 30 

ได้แต้มที่สาม นับ 40 

ได้แต้มที่สี่นับ Game

วันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2557

สวัสดีครับ วันนี้ขออนุญาตแชร์ เรื่อง มารยาทและความเข้าใจในการเล่นเทนนิสประเภทคู่ครับ-
เรื่องมันก็มีอยู่ว่า การเล่นคู่เนี่ย หลายๆครั้งเรามักจะเอา คนอ่อนมาคู่กับคนเก่งครับ แล้วคนเก่งก็คล้ายๆว่า จะเป็นคนที่อ่านเเกมออก รับรู้เรื่องราวทั้งหมด และก็ต้องแบกรับเรื่องราวทั้งหมดไว้ , ถ้าฝ่ายตรงข้ามก็อ่อนด้วยก็ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวตามเก็บได้หมด , แต่ถ้าฝ่ายตรงข้ามเกิดเก่ง หรือ เหนียวขึ้นมาทั้งสองคน ภาระที่แบกรับไว้มันจะเริ่มเครียดขึ้นเรื่อยๆ , หรือถ้าฝ่ายเดียวกับเรา เกิดตีเสียเองบ่อยมาก แตะเป็นเสียๆๆ , ก็เท่ากับว่า คน 1 คน ต้องสู้กับคน 3 คน เลยทีเดียวครับ ,ไม่ใช่แค่ 1 คนสู้กับ 2 คน เพราะมีตัวทำแต้มเสีย อยู่ที่ฝั่งเราเองอีก 1 คน , ความเครียดที่จะตามมาก็คือ คน 1 คน นั้น จะต้องแย่งตีจากฝั่งตัวเองอีก และ การพลาดก็จะเกิดขึ้นได้ง่ายอีก แล้วคนที่เป็นตัวคนแต้มเสียอาจจะมาโทษคนเก่งที่แบกรับเกมไว้
-
ดังนั้น ระดับความรู้ในการเล่น จะต่างกันเยอะ , ประเด็นก็คือว่า หลายๆครั้งที่คนที่เล่นไม่เก่ง ไม่รู้ตัวว่า ตัวเอง ตีเสีย หรือ ทำให้เสียแต้มน้นๆ , ทำให้เกิดความหงุดหงิดของคนเล่นเป็นที่แบกรับภาระของเกมเอาไว้ครับ แล้วยังต้องแบกรับความผิด
-
ตรงนี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยๆใน คอร์ท หรือ คลับ เทนนิส ในระกับสมัครเล่นครับ
ดังนั้น เป็นเรื่องที่มือใหม่จำเป็นจะต้องเรียนรู้ทำความเข้าใจและมารยาทของการเล่นคู่เอาไว้ครับ

เรื่องที่ 1 : การเสิร์ฟ
สำหรับคนที่ชอบเสิร์ฟแบบหยอดๆ หรือ เสิร์ฟเบาๆ , ในขณะที่ buddy ของคุณขึ้นไปอยู่หน้าเน็ต ถ้าฝั่งตรงข้ามตีอัดใส่คนที่อยู่ข้างหน้าขึ้นมาแล้วเขารับไม่ได้ ความผิดไม่ใช่เป็นของคน volley นะครับ , ความผิดเป็นของคนที่เสิร์ฟเบา นะครับ (ถ้าใครเล่นเดียวมาจะรู้นะครับ เสิร์ฟสอง คือ ต้องตีเต็มๆแล้วสปินให้ลง ถ้าหยอดๆไปโดนอัดหายอย่างเดียว)

เรื่องที่ 2 : การ Volley 
สำหรับคนที่คิดจะไปอยู่หน้าเน็ตนั้น คุณต้องรู้ตัวว่าคุณ volley ได้ดีระดับหนึ่ง , ไม่ใช่ว่าเล่นคู่แล้ว อีกคนจำเป็นจะต้องไปยืนอยู่หน้าเน็ตครับ (ไม่ได้มีอยู่ในกติกา).

ในการ volley นั้น volley แล้ว คุณจะต้องไม่ทำให้เกมเกิดความเสียเปรียบ เช่น คนที่ตีอยู่ท้ายคอร์ทกำลังตีตบ อีกฝ่ายอยู่จนจะปิดแต้มได้อยู่แล้ว , อยู่ๆคุณก็ไปพุ่ง volley แล้วลูกที่ได้ มันก็ตกตั้ง ให้อีกฝ่ายมีเวลากลับมาตั้งตัว หรือ ทำให้เขาซัดกลับมาได้อย่างเน้นๆ , ถ้าคุณจะ volley อย่างนั้น ปล่อยให้คนข้างหลังเขาปิดแต้มเองดีกว่าครับ เขาจะรู้สึกเหนือยน้อยกว่า

เรื่องที่ 3 : การ smash
ถ้าคนที่เป็นคู่ของคุณ ยิง winner หรือ ตีจนกระทั่งอีกฝ่ายต้องงัดลูกโด่งขึ้นมาแล้ว แล้วลูกตกตรงหน้าเน็ตโด่งๆแล้ว คนที่อยู่ตรงหน้าเน็ตต้องปิดแต้มให้ได้นะครับ(คือซัดไปเต็มๆมันลงอยู่แล้ว) ถ้าทำไม่ได้นั่นคือความผิดของคุณ การที่จะต้องกลับมาเริ่มเซ็ทเกมขึ้นไปใหม่ กว่าจะทำอย่างนั้นได้ มันเหนื่อยมากทีเดียว

ในการเล่นเทนนิสประเภทคู่นั้น มือใหม่ มักมีปัญหาดังนี้
1. เมื่อลูกมาถึง มักจะตีลูกแบบ โยน แล้วตกตั้ง
1.1 ลูกตกตั้งเปิดโอกาสให้ฝ่ายตรงข้ามซัดกลับมาเต็มๆในลูกถัดไป หรือ 
1.2 ไปทำลายจังหวะในการบุกที่กำลังได้เปรียบของ buddy 
ตรงนี้ คนที่อ่อนกว่า ต้องดูโอกาสให้ดีครับ ถ้าจังหวะที่ ฺbuddy ของเรากำลังได้เปรียบอยู่ อย่ากระโดดเข้าไปขวาง หรือ ปล่อยให้เขาเล่นแทนไปครับ , ส่วนจังหวะกลางๆที่ไม่ได้เปรียบ-ไม่เสียเปรียบก็ตีให้ลูกตกลึกๆ หรือ slice ลึกๆ คือ เป็นจังหวะที่ save ก็ทำไปครับ

2. เทนนิสไม่ว่าคู่หรือเดี่ยวก็ตาม ลูกที่ตีเสียจริงๆ ไม่ใช่ลูกที่รับไม่ได้ที่เป็น score นะครับ แต่คือลูกที่ตีก่อนหน้านั้น เหมือนตัวอย่างของคนที่เสิร์ฟเบาๆ แล้วฝ่ายตรงข้ามซัดมาอัด buddy ที่อยู่หน้าเน็ตอะครับ , คนที่ทำแต้มเสีย คือ คนที่ตีลูกก่อนหน้านั้น หรือ ลูกเสิร์ฟนะครับ

3. พอคนที่อ่อนกว่า ตีเสีย หรือ ตีตกตั้ง หรือ ทำลายจังหวะการบุก มากขึ้นๆ
(คือตีไปอย่างนั้น เราจะรู้ทันทีว่า ลูกต่อไป มันจะเกิดอะไรขึ้น)
ก็จะกลายเป็นว่า คนที่แบกรับภาระ ต้องพยายามไปแย่งตีเอง และก็จะต้องเล่นลูกยาก แล้วความพลาดจะตามมาอีก แล้วอีกคนที่ไม่รู้เรื่องก็จะไปโทษคนที่แบกรับภาระนั้นไว้

บทความจาก กลุ่มแชร์ประสบการณ์เทนนิส จากคุณพี่ 
Notabi Janawa